ปักหมุด 10 เทศกาลญี่ปุ่นน่าเที่ยว

ปักหมุด 10 เทศกาลญี่ปุ่นน่าเที่ยว ที่ไม่อยากให้คุณพลาด

ใครที่กำลังวางแพลนจะไปเที่ยวญี่ปุ่น แต่ยังไม่มีลิสต์สถานที่ในใจ หรือมีลิสต์ที่เที่ยวคร่าว ๆ แล้ว แต่ยังไม่แน่ใจว่าควรไปที่ไหนดี วันนี้ลองมาปักหมุดกับ 10 เทศกาลญี่ปุ่นยอดฮิตที่น่าไปเยือนกันดีกว่า แต่จะมีเทศกาลไหนบ้าง ไปดูกันเลย

1. เทศกาลหิมะซัปโปโร (Sapporo Snow Festival)

เทศกาลสุดยิ่งใหญ่ที่ไม่อยากให้คุณพลาด เพราะเทศกาลหิมะซัปโปโรรวบรวมเอาประติมากรรมหิมะและน้ำแข็งแกะสลักโดยศิลปินชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติหลายร้อยชิ้นไว้ที่นี่ นอกจากนั้น ภายในงานยังมีงานแข่งกระโดดสกีและสโนว์บอร์ดให้ชมอย่างเต็มอิ่ม เคล้าไปกับเสียงเพลง พร้อมชิมความอร่อยของอาหารที่ซุ้มขายอาหารญี่ปุ่นคลายหนาวได้ตลอดทั้งทาง บอกได้คำเดียวว่าเทศกาลนี้น่ามาเที่ยวให้ได้สักครั้งในชีวิต

  • สถานที่: สวนโอโดริ ซัปโปโร, ฮอกไกโด
  • ช่วงเวลาที่จัดเทศกาล: ฤดูหนาว ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์
  • วิธีการเดินทาง: เดินทางได้โดยขนส่งสาธารณะ หรือรถไฟฟ้าใต้ดินจากสถานีซัปโปโรไปทางใต้ หรือนั่งรถไฟใต้ดินนัมโบะคุและโทะโฮะ ลงสถานีสวนสาธารณะโอโดริ

Tips แนะนำ: ไม่ควรพลาดการแสดงฉายไฟไปยังผลงานประติมากรรมในช่วงกลางคืนที่มีความสวยงามอย่างมาก

2. เทศกาลอินุยามะ (อินุยามะ มัตสึริ)

เทศกาลที่จัดขึ้นในบริเวณของปราสาทอินุยามะ ที่มีไฮไลต์คือการแห่เกี้ยว 3 ชั้น ซึ่งมีความสูงกว่า 10 เมตร เคลื่อนตัวไปรอบเมือง โดยที่เกี้ยวแต่ละคันจะประดับด้วยโคมไฟกระดาษนับร้อยที่ให้ความสว่างไสวสวยงามอย่างมาก ประกอบกับเสียงดนตรีของญี่ปุ่นอย่างขลุ่ยและไทโกะ ยิ่งทำให้ผู้เข้าร่วมงานอินกับบรรยากาศมากกว่าเดิม

  • สถานที่: บริเวณปราสาทอินุยามะ ริมแม่น้ำคิโสะ
  • ช่วงเวลาที่จัดเทศกาล: เดือนเมษายน
  • วิธีการเดินทาง: เริ่มต้นที่สถานีนาโกย่า และต่อด้วยรถไฟสายเมเท็ตสุไปยังสถานีอินุยามะ หรือรถไฟโทไคโดชินคันเซน

Tips แนะนำ: ชมการแห่เกี้ยวในตอนกลางคืนแล้ว ในตอนกลางวันก็ต้องไม่พลาดแวะชมความงดงามและเก่าแก่ของปราสาทอินุยามะท่ามกลางซากุระผลิบานด้วย

3. เทศกาลฤดูใบไม้ผลิทะคะยะมะ

ทะคะยะมะเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่มีเทศกาลเก่าแก่น่าท่องเที่ยว โดยเฉพาะเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ ที่จะมีขบวนแห่เกี้ยวโบราณหรือยะไต ที่ตกแต่งด้วยตุ๊กตาคาราคุริตั้งแต่เช้าถึงเย็น ในขณะที่ช่วงสายถึงบ่ายจะมีการแสดงเต้นพื้นบ้านของตุ๊กตา ซึ่งมีความน่าตื่นตาตื่นใจ และปิดท้ายค่ำคืนด้วยขบวนแห่เกี้ยวขนาดใหญ่ที่ประดับโคมไฟส่องสว่างเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะมาชม

  • สถานที่: เมืองทะคะยะมะ
  • ช่วงเวลาที่จัดเทศกาล: ทุกๆ วันที่ 14 และ 15 เมษายน
  • วิธีการเดินทาง: เดินทางได้โดยรถไฟจากนาโกย่าและรถบัสทางหลวง

Tips แนะนำ: ในช่วงหัวค่ำแนะนำให้ดื่มด่ำบรรยากาศโดยรอบ พร้อมฟังเสียงดนตรีพื้นบ้านที่สนุกสนานไปด้วย จะยิ่งได้ความรู้สึกพิเศษ แถมได้รูปถ่ายที่สวยงามกลับบ้านด้วย

4. เทศกาลชมดอกซากุระสวนฮิโระซะกิ

เทศกาลชมดอกไม้ของญี่ปุ่นมีอยู่หลายแห่ง และมีพันธุ์ดอกไม้ให้เลือกชมความงามอย่างเต็มอิ่มหลายสายพันธุ์ แต่เทศกาลชมดอกไม้ที่ควรไปดูให้ได้สักครั้ง ก็คือ เทศกาลชมดอกซากุระสวนฮิโระซะกิ ที่คุณจะได้สัมผัสความงามของดอกซากุระบานสะพรั่ง จากต้นซากุระกว่า 2,600 ต้น พร้อมทั้งชื่นชมความตระการตาของปราสาทฮิโระซะกิที่รายล้อมด้วยซากุระ ช่วยมอบบรรยากาศพิเศษ สมกับที่ไปเยือนญี่ปุ่น

  • สถานที่: สวนสาธารณะฮิโระซะกิ เมืองฮิโระซะกิ
  • ช่วงเวลาที่จัดเทศกาล: ปลายเดือนเมษายนถึงต้นพฤษภาคม
  • วิธีการเดินทาง: เดินทางได้โดยรถไฟจากสถานีฮิโระซะกิและต่อรถบัส

Tips แนะนำ: หากชมในเวลากลางคืน จะยิ่งได้บรรยากาศน่าประทับใจเป็นพิเศษ

5. เทศกาลทานาบาตะ มัตสึริ

เทศกาลที่หลายคนอาจคุ้นเคยชื่อกันอยู่บ้าง เพราะเป็นเทศกาลระลึกถึงคู่รักข้ามดวงดาว ที่ชาวญี่ปุ่นจะนำกระดาษที่เรียกว่าทังซะคุที่เขียนคำอธิฐานไว้ ไปผูกไว้บนกิ่งไผ่เพื่อขอพร ซึ่งหากมีโอกาสไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นตรงเทศกาล แนะนำให้ไปที่เมืองเซนได เพราะทั้งเมืองจะมีการตกแต่งทานาบาตะและลูกบอลหลากสี สดใส สวยงามทั่วเมือง

  • สถานที่: สถานที่สำคัญทั่วประเทศญี่ปุ่น และเมืองเซนได
  • ช่วงเวลาที่จัดเทศกาล:
    • ทั่วประเทศ วันที่ 7 กรกฎาคม ของทุกปี
    • เมืองเซนได ช่วงวันที่ 6 ถึง 8 สิงหาคม ของทุกปี
  • วิธีการเดินทาง: เดินทางได้โดยรถไฟและรถบัส แต่หากต้องการร่วมเทศกาลที่เมืองเซนได สามารถเริ่มต้นที่โตเกียว และนั่งรถไฟโทโฮคุชินคังเซ็นไปยังสถานีเซนได

Tips แนะนำ: ก่อนถึงวันเริ่มต้นเทศกาลที่เมืองเซนได วันที่ 5 สิงหาคม จะมีการจัดแสดงดอกไม้ไฟบริเวณหลังสวนสาธารณะนิชิโคเอ็ง ซึ่งเป็นอีกการแสดงที่ไม่ควรพลาด และหากสถานที่นั้น ๆ อนุญาต อย่าลืมเขียนคำอธิฐานแล้วนำไปผูกไว้บนกิ่งไผ่เพื่อขอพรที่คุณหวังไว้สักหน่อย

6. เทศกาลคิริวยะกิบุชิ

ต่อกันด้วยเทศกาลที่สนุกสนานอย่างต่อเนื่อง กับเทศกาลแห่งการร่ายรำรอบ ๆ ยางิบูชิ หรือป้อมสูงที่จุดโคมไฟไว้บนยอด ความพิเศษของเทศกาลนี้ คือ เป็นการร่ายรำแบบดั้งเดิมไปพร้อมกับจังหวะกลอง ซึ่งชาวกุมมะนั้นได้สืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่น ไม่เพียงเท่านั้น ในงานยังมีร้านอาหารหลากหลายร้านมาเปิดให้คุณได้ลิ้มชิมรสความอร่อยถึงที่ ดังนั้น หากใครมาเที่ยวเทศกาลคิริวยะกิบุชินี้ คุณจะได้รับความรื่นเริงกลับบ้านไปแบบเต็มอิ่มแน่นอน

  • สถานที่: เมืองคิริว, กุมมะ
  • ช่วงเวลาที่จัดเทศกาล: สุดสัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคม
  • วิธีการเดินทาง: เดินทางได้โดยรถไฟสายโทบุในโตเกียว เริ่มจากสถานีอาซากุสะ และลงที่สถานีชินคิริว หรือเดินทางโดยรถไฟสายวะตะระเสะเคโกกุ เริ่มจากสถานีนิกโก และลงที่สถานีคิริว

Tips แนะนำ: อย่าพลาดชมการร่ายรำของชาวเมืองและนักท่องเที่ยวที่ร่ายรำเป็นวงซ้อนกันหลายวงระหว่างเทศกาล ซึ่งหาชมได้ยาก แนะนำต้องไป

7. เทศกาลนูมาตะ

เทศกาลสุดคึกคักที่มีความพิเศษอยู่ที่การแห่ ‘มิโคชิ’ หรือศาลเจ้าเคลื่อนที่กว่า 20 แห่ง ผ่านถนนสายหลักของเมือง ซึ่งไฮไลต์ของงานคือ มิโคชิเท็งงุ หรือศาลเจ้าที่มีลักษณะเป็นหน้ากากเท็งงุขนาดยักษ์ที่จะหามโดยผู้หญิงเท่านั้น หากใครอยากชมความน่าตื่นตาตื่นใจแนวพื้นบ้านของญี่ปุ่น ประกอบกับความครื้นเครงของเสียงกลองและเพลงพื้นเมือง เทศกาลนี้ก็น่ามาเที่ยวไม่แพ้เทศกาลอื่นเลยทีเดียว

  • สถานที่: เมืองเมืองนูมาตะ, กุนมะ
  • ช่วงเวลาที่จัดเทศกาล: ช่วงวันที่ 3 – 5 สิงหาคม ของทุกปี
  • วิธีการเดินทาง: เดินทางได้โดยรถไฟ เริ่มจากสถานีโตเกียว และลงที่สถานีโจเอ็ทสึเมียวโค แล้วต่อด้วยรถไฟสาย JR อะกะสึมะไปยังสถานีนูมาตะ

Tips แนะนำ: ควรเตรียมความพร้อมและเข้าเว็บไซต์ทางการ เพื่อเช็กช่วงเวลาของการแสดงก่อนออกเดินทาง เนื่องจากจะมีนักท่องเที่ยวมาร่วมงานจำนวนมาก

8. เทศกาลเต้นรำกุโจ โอโดริ

เทศกาลรับช่วงฤดูร้อนที่มีมาตั้งแต่สมัยเอโดะที่มอบความสนุกสนานขั้นสุด เพราะเป็นเทศกาลเต้นรำตั้งแต่ช่วงหัวค่ำถึงรุ่งเช้า จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาชมการแสดงหลายพันคน ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจคือ เทศกาลนี้มีการเต้นรำถึง 10 รูปแบบ และหากนักท่องเที่ยวสนใจร่วมเต้นด้วย ก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องกลัวเหนื่อย เพราะตลอดคืนจะมีร้านค้า ร้านอาหารเปิดต้อนรับอยู่ตลอดนั่นเอง

  • สถานที่: เมืองกุโจฮะจิมัง, กิฟุ
  • ช่วงเวลาที่จัดเทศกาล: จัดตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงเดือนกันยายน
  • วิธีการเดินทาง: เดินทางได้โดยรถส่วนตัว หรือโดยสารรถไฟสาย JR ทาคายามะ จากสถานีกิฟุลงที่สถานีมิโนะโอตะ แล้วเปลี่ยนสายไปที่รถไฟท้องถิ่นนะกะระกาวะมุ่งหน้าสู่กุโจฮะจิมัง

Tips แนะนำ: ช่วงกลางเดือนสิงหาคมจะมีผู้มาเข้าชมจำนวนมากเป็นพิเศษ ควรเข้าเว็บไซต์ทางการเพื่อเช็กวัน-เวลาของการแสดง และที่พักก่อนออกเดินทาง และหากมีโอกาส แนะนำให้ชมการเต้นให้ครบ 10 รูปแบบ!

9. เทศกาลโคมไฟนิฮงมัตสึ

เทศกาลโคมไฟที่ยิ่งใหญ่อีกงานของญี่ปุ่น ซึ่งไฮไลต์จะอยู่ที่ขบวนแห่ศาลเจ้าจาก 7 หมู่บ้านในนิฮงมัตสึ ซึ่งจะแห่ไปตลอดทั้งคืน โดยจะประดับประดาด้วยโคมไฟกระดาษสีแดงที่จุดด้วยไฟศักดิ์สิทธิ์ของศาลเจ้านิฮงมัตสึ หากมาเที่ยวเทศกาลนี้ คุณจะได้สัมผัสความฮึกเหิมของเสียงโห่ร้องและเสียงกลองเป็นจังหวะ เหมือนมีมนต์ขลังท่ามกลางบรรยากาศโดยรอบ

  • สถานที่: เมืองนิฮงมัตสึ
  • ช่วงเวลาที่จัดเทศกาล: สุดสัปดาห์แรกของเดือนตุลาคมของทุกปี
  • วิธีการเดินทาง: เดินทางได้โดยรถไฟสาย JR โทโคฮุ ลงสถานีนิฮงมัตสึ

Tips แนะนำ: อย่าลืมแต่งตัวหรือเตรียมพร็อพที่เข้ากับบรรยากาศ เพราะโคมไฟที่สว่างไสวสะดุดตาในตอนกลางคืน จะทำให้รูปที่ได้น่าประทับใจเป็นพิเศษ

10. เทศกาลชมดอกไม้ไฟ (Hanabi Festival)

ปิดท้ายด้วยอีกหนึ่งเทศกาลน่าตื่นตาตื่นใจที่พลาดไม่ได้ อย่างเทศกาลดอกไม้ไฟของญี่ปุ่น ที่มีให้ไปเยือนมากมาย ซึ่งที่ขอแนะนำเลย ก็คือ เทศกาลดอกไม้ไฟอาตามิ เพราะนอกจากจะไปเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี ยังมาพร้อมไฮไลต์ของเทศกาลอย่างการแสดงน้ำตกไนแองการาบนท้องฟ้า ที่จัดพลุแสดงอย่างยิ่งใหญ่สวยงาม ต้องมาชมด้วยตัวคุณเอง

  • สถานที่: เมืองอาตามิ
  • ช่วงเวลาที่จัดเทศกาล: จัดแสดงทุกฤดูกาล
  • วิธีการเดินทาง: เดินทางได้จากสถานีโตเกียวลงสถานี JR อาตามิ

Tips แนะนำ: หากสนใจเข้าชมเทศกาล ควรเข้าเว็บไซต์ทางการเพื่อเช็กวันและเวลาของการแสดงในแต่ละปี เพื่อความชัวร์ก่อนออกเดินทาง

ซื้อประกันเดินทางญี่ปุ่นก่อนไป อุ่นใจกว่า ทุกที่ ทุกทริป

เก็บข้อมูลกันเรียบร้อย สำหรับ 10 เทศกาลของญี่ปุ่นที่น่าไปเที่ยว หากคุณสนใจเทศกาลไหน ก็อย่าลืมเผื่อเวลาหาข้อมูลจากเว็บไซต์ทางการของแต่ละสถานที่เพิ่มเติมไว้ด้วย และที่สำคัญก่อนเดินทางไปต่างประเทศทุกครั้ง อย่าลืมซื้อประกันเดินทางจากบริษัทประกันที่เชื่อถือได้ ติดไว้เพิ่มความอุ่นใจ


อย่างประกันเดินทางของ Tune Protect Thailand ซึ่งมีประกันเดินทาง iTravel ที่คุ้มครองครอบคลุมทั้งประเทศแถบเอเชียและประเทศอื่นทั่วโลก* และแน่นอนว่ามีประกันเดินทางญี่ปุ่นให้คุณเลือกทำ เพื่อความสบายใจระหว่างทริปเที่ยวงานเทศกาล โดยประกันเดินทาง iTravel มีข้อดีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น

  • ได้รับการรับรองจากสถานทูต เพื่อใช้ยื่นขอวีซ่าเชงเก้น (Schengen)
  • คุ้มครองกรณีไฟลต์บินยกเลิก ดีเลย์ หรือตกเครื่อง
  • บินสบายใจ คุ้มครองครอบคลุมทั้งกรณีอุบัติเหตุ การบาดเจ็บและเสียชีวิต แบบไม่ต้องสำรองจ่าย พร้อมคุ้มครองกรณีกระเป๋าเดินทางล่าช้า เสียหาย หรือสูญหาย
  • ค่ารักษาพยาบาลขณะอยู่ต่างประเทศ สูงสุดถึง 4,000,000 บาท*
  • คุ้มครองอุบัติเหตุและการเสียชีวิต สูงสุด 5,000,000 บาท*
  • ทุกแผนคุ้มครองการรักษาจากไวรัส COVID-19

ประกันเดินทาง iTravel ค่าเบี้ยเริ่มต้นเพียง 80 บาท/วัน* ให้ความคุ้มครองและช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง หากต้องการรับรายละเอียดแผนประกันเพิ่มเติม หรือสนใจสมัครรับความคุ้มครอง สามารถเช็กได้จากหลายช่องทาง ดังนี้
▪️ เว็บไซต์ https://online.tuneprotect.co.th/
▪️ Call center: 1183 หรือ Line@: @tuneprotect


*ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไขของเอกสารเสนอขายก่อนตัดสินใจทำประกันภัย เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด แคมเปญการส่งเสริมการขายนี้จัดทำขึ้นและสนับสนุนโดย บจก. เกรท ฟอร์ ทูน โบรกเกอร์ จำกัด

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า